รีวิว Guillermo del Toro’s Pinocchio (2022) พิน็อกคิโอ หุ่นน้อยผจญภัย โดยกีเยร์โม เดล โตโร

ตำนานที่ถูกเล่าขานมาหลายรุ่น ใครโกหกต้องมีจมูกยาวยืดออกมาก กลับมาอีกครั้งในแอนิเมชั่นน่ารักซึ้งๆ ความรัก ความคิดถึงและโหยหาของชราที่มีต่อลูกชายที่เสียชีวิต จนกลายเป็นปาฏิหาริย์ให้เด็กชายกลับฟื้นคืนชีพมีชีวิตอีกครั้งในร่างหุ้นไม้ สนุกแค่ไหนต้องติดตามใน Guillermo del Toro’s Pinocchio (2022) พิน็อกคิโอ หุ่นน้อยผจญภัย โดยกีเยร์โม เดล โตโร ผลงานภาพยนตร์สต็อปโมชั่นเรื่องล่าสุดจาก Netflix ซึ่งจะเป็นการนำเรื่องราวนิทานสุดคลาสสิคอย่างพิน็อกคิโอ มาตีความใหม่อีกครั้งโดยผู้กำกับสายแปลกมากฝีมืออย่าง กีเยร์โม เดล โตโร ที่ตีความออกมาได้อย่างแปลกใหม่และลงตัว 

เรื่องย่อ : เรื่องราวของ เจ็พเพ็ตโต้ (พากย์เสียงโดย David Bradley) ชายแก่ที่เสียลูกชายไปจากลูกหลงของสงคราม ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในอิตาลีในยุคที่ เบนิโต มุสโสลินี เป็นผู้นำ เพ็ตโตได้ตัดสินใจสร้างหุ่นไม้ขึ้นมาเนื่องจากเขาทำใจลืมลูกชายไม่ได้ ปรากฎว่าวันต่อมาหุ่นไม้ตัวนี้กลับมีชีวิตขึ้นมา พร้อมกับบอกว่าชื่อ พิน็อกคิโอ (พากย์เสียงโดย Gregory Mann) งานนี้การผจญภัยในครั้งนี้ของพิน็อกคิโอที่เกิดขึ้นมาในยุคของเผด็จการฟาสซิสต์จะเป็นอย่างไร ซึ่งบอกได้เลยว่าฉบับนี้ตีความใหม่และต่างจากต้นฉบับมากๆ แถมยังทำออกมาได้ดี จึงอยากแนะนำให้ทุกคนลองเปิดใจไปดูกัน รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้คืออยากให้ทุกคนไปลองดูกันจริงๆ เพราะเขาตีความเรื่องราวพิน็อกคิโอออกมาได้อย่างสมเหตุสมผลและเหมาะกับยุคสมัยมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะผสมความไซไฟลงไปรวมถึงมีกลิ่นอายความเป็นต้นฉบับหลงเหลืออยู่ คือมันลงตัวมากๆ ในหลายๆ ด้าน ตัวหนังมีเวลามากพอในการเล่าเรื่องและสร้างปมขมวดเรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละคร ให้ผู้ชมได้ใช้เวลาผูกพันธ์กับตัวละครผ่านสถานการณ์ต่างๆ จนทำให้ตอนท้ายคนดูก็เริ่มหลงรักตัวละครและอินกับเรื่องราวมากขึ้น พอถึงบทสรุปตอนท้ายอารมณ์มันเลยถึงและซึ้งจริงๆ นอกจากนี้ยังมีการผสมความเป็นมิวสิคัลที่ไม่มากเกินไป แต่มาในจังหวะที่เหมาะสม ยิ่งตอนพิน็อกมีชีวิตขึ้นมาครั้งแรกเพลงเพราะแถมยังเหมาะสมกับสถานการณ์มากๆ